lozocatlozocat
"It's my life "
lozocatlozocat

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ชีวิตนี้ ไม่ใช่ชีวิตหนี้

เคยมีประโยคหรือวลี(ที่คิดว่า)เด็ดหลุดออกจากผมและเพื่อนๆเสมอ เวลาที่ได้เจอกัน ตั้งวงอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งมันก็เกี่ยวกับเรื่องที่พวกเราเสวนากันอยู่ในขณะนั้น เมื่อผมได้เล่าเรื่อง(ที่คิดว่า)ขำๆจบลง เพื่อนๆก็จะมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ประมาณว่า "จบแล้วเหรอ" ไอ้เบียร์ก็พูดขึ้นว่า "ในความไม่ตลก ก็ยังมีความตลก" แล้วทุกคนก็ขำกันฮากลิ้ง ส่วนคนที่ขำไม่ออกก็คือผู้เล่าก็คือ ผมเอง แหม ถ้าขำเรื่องที่ผมเล่าก็จะได้ฮาด้วยกันอยู่หรอก จำไว้เลยนะ หึ...หึ... และจากคำกล่าว(ของไอ้คุณเบียร์)นี้เอง ที่เป็นต้นแบบของคำกล่าวลักษณะนี้ตามออกมาให้ได้ยินเป็นระลอกๆ

วันหนึ่งขณะที่ผมและเพื่อนๆชาวคณะเดินกรีดกราย ชื่นชมสิ่งของต่างในลานห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ต่างคนก็ต่างมองหาสิ่งของที่ตัวเองต้องการ ผมก็เหลือบไปเห็นกระจกของร้านขายเสื้อผ้า ก็เลยถือวิสาสะส่องกระจกโดยมิได้ขออนุญาตเจ้าของร้าน พร้อมกับใช้มือเสยผม แกะขี้ตา ครูดสิว ตามแต่สะดวกสรรหา พฤติกรรมเหล่านี้ก็ไม่อาจพ้นสายตาของไอ้เบียร์ไปได้ มันพูดพร้อมกับชี้มือมาทางผมว่า "ในความไม่หล่อ ก็ยังมีความหล่อ" เพื่อนๆก็ขำกลิ้งกันอีกตามเคย แหม......... รู้ตัวครับ ว่าหน้าตาไม่ดี แต่งตัวก็เชย ไม่เหมือนพระเอกซีรี่ส์เกาหลีแต่ก็ขอประคับประคองนิดนึงไม่อยากให้มันเลวร้ายไปกว่านี้ นิดนึงนะ........

กล่าวถึงไอ้เบียร์อยู่นาน ก็อดคิดถึงเพื่อนคนนี้ไม่ได้ ป่านฉะนี้จะเป็นอย่างไรบ้างแล้วก็ไม่รู้ ผมคบกับไอ้เบียร์ตั้งแต่มัธยมต้น แล้วก็แยกกันตอน ม.ปลาย ผมเรียนต่อสายสามัญ(ม.๔-๖) ส่วนไอ้เบียร์ไปเรียนต่อสายอาชีวะ(ปวช.-ปวส.) ไอ้เบียร์เป็นอะไรหลายๆอย่างในกลุ่มเพื่อน เป็นศิลปินเขียนภาพ วาดรูปเก่ง ด้วยปากกาหรือดินสอ ผมเคยเห็นเค้าวาดตั้งแต่ตอนแรกๆที่ต้องร่างด้วยดินสอ จนกระทั่งครั้งสุดท้ายที่เจอก็วาดได้เลยโดยไม่ต้องร่างสุดยอดครับ

กล่าวได้ว่าศิลปะเกือบทุกแขนงไอ้เบียร์สามารถทำได้ดี ไม่ว่าจะเป็น วาดรูป คน การ์ตูน งานปั้น งานหล่อ(ปูนปลาสเตอร์) งานประกอบโมเดลตุ๊กตา พ่นสี ฯ หรือแม้กระทั่งเป็นศิลปินนักร้อง เล่นตลก อันนี้ก็เรียกเสียงฮากันตลอด ไอ้เบียร์เป็นเพื่อนที่สนิทมากคนหนึ่งที่คบกันมา แต่ผมก็เห็นเค้าสนิทชาวบ้านเค้าไปทั่ว เฮไหน เฮกัน แต่เห็นเค้าเฮๆ ฮาๆอย่างนี้ บางทีก็ซีเรียสเป็นกะเค้าเหมือนกันนะครับ อันนี้เจอมากับตัวเอง

สมัยเรียนหนังสือ แล้วจำเป็นต้องห้องพักอยู่ด้วยกันสองต่อสอง(อะจึ๋ยยย) วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ ไม่รู้ว่าไอ้เบียร์ไปอดหลับอดนอนที่ไหนมา วันนั้นเค้าจึงเริ่มต้นด้วยการนอน นอน นอนบนที่นอน น่าแปลกไหม น่าแปลกครับ เพราะปกติต้องเห็นเค้าลุกขึ้นมาทำงานศิลป์ของเค้า และเค้าก็เคยบอกผมว่า นอนมากขี้เกียจเหมือนควาย(ขอโทษครับที่ไม่สุภาพ) ผมจึงต้องตื่นขึ้นมานั่งอ่านหนังสือ นั่งก็แล้ว นอนก็แล้ว ก็ยังไม่เห็นทีท่าว่าไอ้เบียร์จะตื่นเสียที จนกระทั่งผมเริ่มรู้สึกหิวข้าว ไอ้เบียร์เพื่อนผมก็ยังไม่ตื่น จึงเข้าไปปลุกกะว่าจะได้ไปหาอะไรกินกันหรือไม่ก็ซื้อมากินที่ห้อง "เฮ้ย...เบียร์ๆ ตื่นๆ ไปหาอะไรกินกัน" ผมเรียกพร้อมเขย่าตัวแรงๆ "เออๆ....ไปก่อนๆ" เสียงไอ้เบียร์พึมพัมเหมือนคนละเมอ ทำไงได้หละครับ ผมก็เลยต้องไปซื้อกับข้าวคนเดียว อีกสักประเดี๋ยวผมก็กลับมาพร้อมกับข้าวปลาอาหาร ไอ้เบียร์ก็ยังสงบนิ่งบนที่นอนเหมือนเดิม ผมจึงต้องจัดแจงแกะห่อกับข้าวลงสู่ภาชนะอย่างเสร็จสรรพ แล้วก็เข้าไปปลุกเพื่อนอีกรอบ "เฮ้ยๆ....มืดแล้ว กินข้าว" ผมประชด .......... มีเพียงความเงียบตอบกลับมาพร้อมกับพลิกตัวเปลี่ยนท่านอนอย่างไม่แยแส "เอาวะ...กินคนเดียวก็ได้" ผมนึกในใจพร้อมกับนั่งลงกินข้าวปลาที่อยู่ตรงหน้า เพื่อนรักก็ไม่มีวี่แววว่าจะตื่นขึ้นมาร่วมวงด้วยเลย ด้วยความเสียดายกับข้าวที่เหลือเพราะในห้องไม่มีตู้เย็นเก็บกับข้าว จึงต้องจำใจกินส่วนที่เหลือให้หมด แล้วเก็บกวาดให้เรียบร้อยไม่งั้นมดจะมาช่วยเก็บพร้อมกับมาอยู่เป็นเพื่อน จากนั้นผมก็นั่งอ่านหนังสือต่ออย่างสบายใจเฉิบ สักพักก็ได้ยินเสียงไอ้เบียร์ขยับตัว และดันตัวเองลุกขึ้นพร้อมกับบิดขี้เกียจจจจ..แล้วเหลือบมาทางผม "ไปกินข้าวกัน...." เสียงชวนอย่างอารมณ์ดีของเพื่อน "กินแล้ว...เมื่อกี๊...เพิ่งเก็บกวาดเสร็จก็มานั่งอ่านหนังสือนี่แหละ" ผมว่า "อ้าว...เหรอ ไม่เห็นชวนกันมั่ง..." ดูมัน แล้วยังทำหน้าแบบว่า เอ็งผิดนะเนียะที่ไม่ชวนข้า "ไอ้บ้านอน.. นอนมากใครมาปลุกก็ไม่รู้เรื่อง" ผมกะจะบ่นต่อ ไอ้เบียร์ก็ชิ่งไปอาบน้ำแล้วก็ออกไปกินข้าวข้างนอก จากเหตุการณ์นี้ก็เกิดฉายา "ไอ้เบียร์บ้านอน(นอนจนเป็นบ้า)"เป็นที่เล่าขานในหมู่เพื่อนพ้อง แต่ตำนานความบ้านอนของไอ้เบียร์ยังไม่จบแค่นี้นะครับ ยังมีอีกแต่จะออกแนวรุนแรงนิดนึงซึ่งผมอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย จบเรื่องนี้ก่อนเริ่มเมื่อยมือ.....