lozocatlozocat
"It's my life "
lozocatlozocat

วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

บ้านสวนติวานร How to ขายไม่ออก

ผมไม่เข้าใจเท่าไรนักของสาเหตุึการได้มาเจอที่แห่งนี้ เพราะผมมัวแต่สาระวนอยู่กับงานที่เพิ่งบรรจุเข้าไปใหม่ๆ อาจจะเรียกได้ว่า"เห่องาน"ก็ว่าได้ นอกจากคำว่า "เห่องาน" แล้ว ก็ยังเห่อความแปลกใหม่ของที่ๆมาอยู่ จากเด็กต่างจังหวัด สอบได้มาเรียน และบรรจุงานที่ กทม. อะไรก็ดูดีไปหมด แทบจะลืมคำว่า ทุกข์ ลืมฝัน ลืมสิ่งที่อยู่ภายในจิตใจ ลืมหลายๆเรื่อง หลายๆคน หลายๆอย่าง ดูเหมือนกับตัวมันลอยๆ อยู่ในวิมาน โอ้...นี่หรือกรุงเทพฯ เมืองฟ้า เมืองสวรรค์ที่ทุกคนต้องการจะมาอยู่ แดนศิวิไลซ์ที่ทุกคนค้นหา จุดหมายปลายฝันของเราก็อยู่ที่นี่

หลังจากที่ได้บรรจุงานวันแรก ผมก็ได้เช่าห้องเล็กๆอยู่ห่างจากที่ทำงานไกลพอสมควร จากการแนะนำของรุ่นพี่ใจดีท่านหนึ่ง บอกว่านั่งรถต่อเดียว ถึงที่ทำงานเลย แล้วราคาค่าเช่าก็ไม่หนัก อยู่ได้แบบกระเป๋าไม่ร้อน เนื่องด้วยความที่เป็นคนค่อนข้างประประหยัด ผมจึงได้ตัดสินใจเข้าพักอยู่ที่นั่น ด้วยสัมภาระที่มีเพียง เป้เสื้อผ้า พัดลม หนังสือ กีต้าร์ นานๆก็จะมีเพื่อนมาเยี่ยมเยือนบ้าง วันหยุดก็เดินห้าง เดินสวนจตุจักร ฯลฯ หลากหลายเหตุการณ์มากมาย คืนวันที่สดใส เงิน งาน เพื่อน วงดนตรีช่างล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ

และแล้วก็เหมือนมีจุดพลิกผันกับชีวิตที่ทำให้ล่องลอยเข้าไปอีก พ่อคุณพ่อของผมได้ข่าวมา ถามไถ่สารทุกข์ สุกดิบ และ บอกว่าจะซื้อคอนโดให้อยู่ จะได้เป็นส่วนตัวไม่ต้องเช่า พอดีเพื่อนคุณพ่อเค้าซื้อไว้ แล้วเปลี่ยนใจจะไปซื้อบ้าน ก็เลยมาเสนอขายให้ท่าน ส่วนตัวผมแล้ว ยังไงก็ได้ครับตอนนั้นมันช่างดูโลกสดใส เหมือนจิตปรุงแต่ง แล้วก็ถึงวันที่ผมจะได้ย้ายเข้าไปอยู่เสียที บ้านสวนติวานร

ก่อนจะเก็บของย้ายที่พำนัก ผมก็ได้โทรเช็คสำนักงานขาย ยืนยันว่าสามารถเข้าไปอยู่ได้เลยนะ เพราะผมจะได้บอกคืนห้องเช่า ทางสำนักงานขายก็บอกเข้าอยู่ได้เลย ผมจึงดำเนินการต่อไป จนกระทั่งเก็บของเดินทางไปยังที่พำนักแห่งใหม่ ความจริงผมเคยเดินทางเข้ามาดูแล้วครั้งนึง ครั้งนี้ก็ยังคงบรรยากาศร่มรื่น สองข้างทาง แม้จะอยู่ลึกหน่อย แต่ก็โอเค มีรถสองแถวผ่าน ตี5-3ทุ่ม แม้จะอยู่ไกลที่ทำงานมากไปนิดส์ นั่งรถ สองสามต่อ ใช้เวลาเดินทางมากไปนิดส์ ต้องตื่นตั้งแต่ตี5 นี่แค่สรรพคุณคร่าวๆครับ ผมก็ยังไม่เข้าใจตัวเองว่ามาอยู่ได้ยังไงอะไรมันจะขนาดนั้น แต่ก็อย่างว่าหละครับ ตอนนั้น ต้องการความสงบเงียบ เพื่อที่จะทำเพลง ซ้อมดนตรีบ้างในช่วงวันหยุดอันสดใส ชิลๆ

ความประทับใจในวันแรกที่เข้าไปพักคือ ไฟฟ้า ยังไม่ได้ต่อ ต้องโยงจากส่วนกลางมาให้ใช้ แบบทุลักทุเล ติดๆดับๆ ทั้งๆที่ห้องใช้เพียงพัดลม 1ตัว น้ำก็ไหลบ้าง หยุดบ้างตามอัธยาศัย บางครั้งต้องนอนใต้แสงเทียนทั้งชุดทำงาน เพราะไฟกับน้ำมีปัญหา โอ้.....นี่หรือ บ้านสวนติวานร ทุกครั้งที่มีปัญหา ไปแจ้งที่สำนักงานขาย สิ่งที่ได้คือ ความฝัน บางทีต้องไปค้างที่บ้านเพื่อน ไปอาบน้ำที่ทำงาน มีอยู่ครั้งหนึ่ง ไฟดับผมแจ้งไปที่ช่างส่วนกลาง ช่างเข้ามาดู เค้าเหลือบเห็นกีต้าร์ผม แล้วเค้าก็วอไปบอกเพื่อนช่างอีกคนว่า ที่ห้องเล่นกีต้าร์ ผมนึกฉุนในใจว่า เฮ้ย กีต้าร์มันวางพาดข้างฝา ยังไม่ได้เสียบสายอะไรเลย แค่เปิดพัดลมตัวเดียวทำไมไฟดับทำไมไม่ดูบ้าง ทีห้องอื่นเค้ามีเครื่องใช้ไฟฟ้าเยอะแยะ ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ผมจำได้ประทับใจไม่รุ้ลืม กับความอยุติธรรมนี้ ก็ได้แต่เก็บเรื่องราวไว้เพราะไม่อยากสร้างปัญหา สร้างศัตรู น้ำไม่ไหล แจ้งไป 3-4 วัน น้ำท่าไม่ต้องอาบกัน พอไปแจ้งบ่อยๆก็ออกอาการไม่พอใจ

นั่นเป็นความประทับใจคร่าวๆพอสังเขป และผมก็ได้ย้ายออกด้วยเหตุที่ไม่น่าเลย คือ โดนคุณช่างท่านเขม่นโดยไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ก็โดนปาหินบานเกร็ดแตก จะไปเคลียร์กับใครก็ไม่มีเพราะหายกันไปหมด เล่ามานานแล้วมันก็แค่ช่วงหนึ่ง จะเล่าทุกเม็ดก็คงจะต้องอ่านกันตาแฉะไปข้าง

วันนี้ คุณแม่ได้มีคำสั่งให้ทำการประกาศขายคอนโดห้องนี้ออกไป เพราะไม่มีใครเข้าไปอยู่แล้ว นับวันค่าส่วนกลางก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ผมนึกในใจว่า ใครจะอยากได้คอนโด ที่ไม่มีเฟอร์นิเจอร์กันบ้างครับ ใครๆเค้าก็ต้องการที่เข้าไปอยู่ได้เลย แต่นี่คุณพี่สาวนึกอย่างไรไม่ทราบถึงได้ไปขนเอาเฟอร์นิเจอร์ อันได้แ่ก่ ที่นอน เตียง โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้หนังสือ ตู้เสื้อผ้า เก้าอี้ออกไป เหลือแต่ห้องว่างๆ กับกองหนังสือของผมที่ถูกเทออกมากองที่พื้นอย่างไม่แคร์ ผมไม่เข้าใจครับ แล้วดูคุณแม่ก็ไม่ได้มีท่าที แปลกใจ หรือตกใจกับการกระทำเช่นนี้ มีแต่ผมเสียอีกที่กลัวว่าจะมีโจรงัดห้องเข้าไปขโมยของ นี่ถ้าคุณพี่สาวกับคุณพี่เขยไม่ทะเลาะกัน และเดือดร้อนผมต้องไปช่วยขนของย้ายจากบ้านคุณพี่เขยมาไว้ที่บ้านแม่ ผมก็คงจะไม่รู้ว่า เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดมันอยู่ตรงนี้นี่เอง มีผมเซอร์ไพร้ส์อยู่คนเดียว หรือจะเป็นคำสั่งคุณแม่ให้ขนก็ไม่ทราบได้ แต่ผมบอกได้เลยนะครับ ว่า ขายยากครับ แสนแปด คอนโดหนึ่งห้อง ไม่มีอะไรเลย น้ำไฟก็ตัดไปแล้ว ถ้ามีคนซื้อ ก็คงต้องบอกเค้าปูเสื่อ จุดเทียนนอนไปก่อนละกัน.........

ถึงคราวที่ต้องรับความจริงกันบ้างแล้วครับ.........................