lozocatlozocat
"It's my life "
lozocatlozocat

วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

22พ.ค.53 18.00 พบเพื่อนๆ ณ เพ้งหมูกระทะ

เช้ามืดวันที่ 22 พ.ค. 53 ผมล็อคอินเข้าเฟสบุ๊คตามปกติ(เวลาลูกหลับ)อัพเดทสถานะ โต้ตอบข้อความจากเพื่อนๆ ก็เหลือบไปเห็นข้อความหนึ่งจากเพื่อนคนหนึ่งคุยกับเพื่อนอีกคน ว่าจะกลับมาเยี่ยมบ้าน และนัดเจอพบปะกัน ก็นึกในใจว่า อืมม..เหตุการณ์แบบนี้ จะดีเหรอ เพราะยังอยู่ในช่วงประกาศภาวะฉุกเฉิน จึงไม่ได้คอมเม้นต์อะไรต่อท้าย ใจนึงก็คิดว่า เค้าคงแซวกันเล่นๆขำๆกันปกติ และก็ล็อคเอาท์เพราะจะได้เวลาลูกตื่นและต้องออกไปทำอาหารเช้า

เวลาประมาณ 17.20 ท่านขาว(เพื่อน)ได้โทรมาบอกว่าจะมีมีตติ้งงเล็กๆ ตอน 18.00 มีเพื่อนๆหลายคนมา ผมก็..อ่า..จริงเหรอนึกว่าพูดกันเล่นๆ .. แล้วร้านเค้าเปิดถึงกี่โมงท่าน ช่วงนี้บางร้านเค้า 6โมงเย็นก็ปิดแล้วนะ(ผม)..เห็นเหมียวบอกว่าโทรไปเช็คแล้วอยู่ได้ถึงสองทุ่มค่อยแยกย้าย(ขาว) อืมมม..โอเคท่านแล้วเจอกัน(ผม).. ตอนนี้รู้สึก ดีใจ ตื่นเต้นที่จะได้พบเพื่อนๆเมื่อสมัยเรียนมัธยมปลาย แต่ก็กังวลเรื่องสถาณการณ์บ้านเมืองและเวลาที่กระชั้นชิด แต่ก็เอาว่ะ บอกแฟนให้เตรียมตัว รีบอาบน้ำแต่งตัว จากนั้นก็เปิดบ้าน เข็นรถมอร์ไซด์เก่าๆออกมา เอะ..ทำไมวันนี้ล้อมันหน่วงๆฝืดๆ มองไปที่ล้อ อ้าวเฮ่ย....ยางแบน แฟนทำหน้าเซ็ง ก็เลยเข็นไปปะยางข้างๆบ้าน ประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงขณะช่างผู้ชำนาญการปะ ลูกก็ร้องงอแงอยากไปไวๆ(ลูกผม ถ้าบอกว่าจะพาไปที่นั่นที่นี่แล้วต้องพาไป ห้ามช้า ไม่งั้นเค้าจะร้องงอแง) ในที่สุด การปะยางก็ประสบผลสำเร็จใสราคา 20.-(เอ๊ะ เเพงไปป่ะ อ่ะน่า อย่าคิดมาก) จากนั้นก็รีบึ่งไปจุดนัดหมาย นั่นก็คือ ร้านเพ้งหมูกะทะ คนเยอะมากกก(แขก,ลูกค้าในร้าน) และก็เหลือบไปเห็น เหมียว ขาว ก่อน อ่ะฮ้า..ไม่เจอกันซะนาน แนะนำลูกหลาน ยกมือไหว้กันอุตลุต โอ้..เพื่อนๆเรา เห็นแต่ในเฟสบุ๊ค ได้เจอตัวเป็นๆก็คราวนี้ ขาว เหมียว น้องปัน นุดราน้องข้าวฟ่าง น้อง(ลูกชายจำชื่อไม่ได้ครับ:P )และก็หลานชาย ทัดนี พ่อน้องมีน ช่อลดา อ้าวนั่นนายกิ๊ก เอกนันท์ก็มา เห็นบอกว่า เดี๋ยวท่านเผ่าจะมาสมทบ ส่วนปลัดวอร์ติดภารกิจมาไม่ได้ วันนี้ผมเตรียมกล้องมาด้วยหวังจะยิงภาพมาฝากเพื่อนๆที่ไม่ได้มา ให้อิจฉาเล่น แต่เนื่องด้วยเวลากระชั้นชิด และก็อยากจะคุยกะเพื่อนๆมากกว่าเพราะไม่ได้เจอกันนานมากกกก จึงได้ถ่ายรูปมาเพียงไม่กี่ภาพ เวลาผ่านไปนานหลายๆคนรวมทั้งผมก็มีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ แต่ที่ยังไม่เปลี่ยน ก็คือรอยยิ้มของแต่ละคนที่แสดงให้เห็นความสุขที่ได้มาพบ มากิน(อาหาร)กันอีกครั้ง และพวกเราก็ต้องได้เจอกันอีกครั้งอย่างแน่นอนเพื่อน...

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เท่าที่จำความได้..

ธรรมชาติได้สร้างสมดุลให้กับชีวิตผม ด้วยการให้เวลาว่างกับผมอย่างมากมาย แต่ก็เป็นไปไม่ได้หรอกที่คนเราจะอยู่ว่างๆได้ตลอดแต่ผมหมายถึงว่างจากการงานที่ต้องทำประจำ งานที่ต้องกินเงินเดือน งานที่จะต้องมีเจ้านาย ผู้บังคับบัญชาสั่งการ งานที่ต้องมีผู้ร่วมงาน ที่ไม่สามารถเดาได้ว่าวันไหนเค้าจะอารมณ์แบบไหน วันไหนเค้าชอบเรา(เพราะทำถูกใจเค้า) วันไหนเค้าจะเกลียดเรา(ด้วยเหตุผลต่างๆ) ธรรมชาติได้ให้เวลาผมมาแบ่งสรรเอาเองว่าจะใช้ทำอะไร แต่ก็ต้องเสี่ยงกับความไม่มั่นคงในด้านต่างๆ การเงิน ความรัก สุขภาพ ปากท้อง เพราะถ้าผมทำตัวไม่ดี ผู้ที่เคยให้อุปการะคุณก็คงจะตัดงบช่วยเหลือ ในที่สุดก็อดตาย อย่างที่ใครหลายคนทำนายทายทักไว้ เวลาว่างๆหลังจากทำงานบ้าน งานจุกจิก หลายครั้งที่ผมนึกทบทวนถึงวันเวลาเก่าๆ ในยามเด็ก วัยรุ่นเหตุการณ์ การดำเนินชีวิต การดำรงค์ตน ทำให้เห็นภาพความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่เกิดขึ้นบนเส้นทางที่ได้ดำเนินผ่านมา ผมจำได้ว่า ผมเกิดเป็นลูกคนเล็กสุด ค่อนข้างติดแม่ รักแม่และผูกพันกับท่าน เพราะเห็นท่านทำงานขายของเลี้ยงดู ป้อนข้าวป้อนน้ำเราตั้งแต่เด็ก กับพ่อยังไม่สนิทเท่าไหร่ เพราะพ่อทำงานราชการ เจอกันตอนเช้าแว๊บนึง ตกเย็นบางวันท่านนำงานมาทำต่อที่บ้าน ก็จะทำให้ไม่สามารถเข้าไปยุ่งกับท่านได้เพราะจะโดนดุ แต่เวลาว่างท่านก็พยายามที่จะพาผมไปไหนต่อไหนด้วยเสมอ แต่ผมก็ไปงงๆ ท่านเองก็ไม่ได้แนะนำอะไร ผมเองก็ไม่มีไหวพริบอะไร เป็นคนแบบซื่อบื้อ เซ่อซ่า เสร่อ ไม่มีแผนการณ์ พาไปก็คือไป ไม่ได้ขัดขืนขัดใจว่า..เฮ้ นี่ฉันไม่ไปนะ ฉันไม่อยากไป จะไปทำไม อาจเป็นเพราะเชื่อแม่ แม่เคยสอนว่า อย่าเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง ซึ่งผมก็จำคำนี้มาตลอด และปฎิบัติเสมอมาด้วยความพยายาม แต่เฝ้าดูผู้คนรอบข้างก็ต่างทำอะไรเพื่อตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง ผ่านเวลานานวันเหมือนมีความคิดสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งบอกให้พยายามทำความดี แม้จะเห็นผลหรือไม่เห็นผลก็ตาม อีกฝั่งก็จะบอกให้ทำตามความต้องการ เพราะเราแน่ใจหรือว่าเราจะมาเกิดใหม่อีกรอบเพื่อที่จะกลับมารับผลที่ดี มันช่างตัดสินใจอย่างยากเย็นในเมื่อรอบด้านเหมือนมีของแหลมคมทิ่มแทงอยู่เสมอน้อยคนนักที่จะเอามือปัดป้องอย่างเดียว และผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ต้องตอบโต้ออกไปบ้างตามวิสัยของมนุษย์ แต่กลับเป็นผลเสีย เหมือนยิ่งส่งเชื้อไฟ ไฟก็ยิ่งจะปะทุมอดไหม้เผาผลาญทำลายล้าง ผมเองเคยคิดว่า เราน่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ด้วยจิตใจที่ตกต่ำ อ่อนล้าอ่อนแรงอ่อนกำลังใจ ทำให้ต้องก้าวออกมาจากสงครามสังคมคนหมู่มาก ปลีกตัวออกมาอยู่เงียบๆเพียงลำพัง อยู่กับตัวเอง อยู่กับความคิด ทบทวนเรื่องราวความผิดพลาด เราเคยเรียนรู้มาว่า ทำผิดต้องยอมรับผิด แต่จะหาใครสักกี่คนที่จะบอกว่าตัวเองกผิด แม้จะรู้อยู่แก่ใจ เมื่อเขาไม่บอกว่าตัวเองผิด เราเองหรือที่ผิด หรือไม่มีใครผิด หรือเป็นเรื่องของกรรมเก่า ต้องก้มหน้าชดใช้ให้หมดสิ้น ภายภาคหน้าจะได้หลุดจากสังสารวัฐ ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย แต่ก็จริงอย่างที่มีใครกล่าวไว้ว่า เมื่อเราก้าวผ่านมันมาแล้วมองย้อนกลับไปด้วยสติ นั่นก็เป็นเพียงฉากหนึ่งของชีวิตที่เราได้ผ่านมันมาได้ สิ่งใดที่ทำร้ายจิตใจก็ไม่ควรเก็บมาทิ่มแทงตัวเองอยู่อย่างนั้น ก็ควรจะปล่อยให้หายไปกับกาลเวลาที่ไม่อาจย้อนกลับมาได้ ทำได้เพียงวันนี้ วินาทีนี้ ให้ผิดพลาดน้อยที่สุดและยอมรับมันไม่ว่าจะดีหรือร้าย จนกว่าชีวิตจะสิ้นสุดลงอย่างสงบ...

วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เรื่อยเปื่อย

หากชีวิตคนเรามีเพียง เกิดขึ้นมา อยู่ๆกันไป แล้วก็ตาย เราก็คงต้องมาตั้งคำถามกันขึ้นว่า เกิดมาทำไม ผมคิดว่าด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดการค้นหา ค้นคว้า ไปจนกระทั่งแตกแขนงออกเป็นเรื่องต่างๆ เกิดมาทำไม เกิดมาแล้วจะอยู่อย่างไร ก่อนหน้าที่เราจะเกิด ก็มีคนรุ่นก่อน เราก็ต้องศึกษาเรื่องราวความเป็นอยู่ของเขา ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีในวันนี้ ก็ล้วนพัฒนามาจากเก่าก่อน เราเกิดขึ้นมา พบกับผู้คนที่เหมือนๆกับเรา เราต้องการการสื่อสาร จึงเกิดภาษาขึ้นเกิดการเรียนรู้การอยู่ร่วมกัน การปฎิบัติต่อกัน การเอื้ออาทร มีความเชื่อ มีศรัทธา และมีความฝัน และธรรมชาติก็เป็นผู้สร้างสมดุล สร้างให้ของทุกอย่างมี 2 ฝั่ง มีคุณ มีโทษ มีร้อน มีหนาว ฯลฯ ทำให้ผมนึกเชื่อมโยงไปเรื่องของกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ธรรมะ หรือธรรมชาติ เป็นผู้สร้างสมดุล ถ้าเราชกกระจก กระจกก็จะแตก แต่มือเราก็เจ็บด้วยเช่นกัน หรือเราอุ้มลูก ลูกก็จะได้รับความรู้สึกสัมผัส เราก็จะได้รับเช่นกัน บางคนอาจจะบอกว่า ก็ยังเห็นคนทำไม่ดีบางทีก็ยังได้ดีถมเถ หรือคนที่ทำดีแล้วก็ยังไม่ได้ดีสักที ผมเชื่อว่าผลต่างๆจะเกิดขึ้นก็ย่อมต้องใช้เวลาเสมอ เหมือนพลุก่อนที่จะปะทุสว่างสวยงามก็ต้องมีเวลาในการจุด แล้วก็พุ่งขึ้นไป เพียงแต่ระยะพุ่งของใครจะยาวกว่ากัน และแต่ละคนก็ต่างมีสิ่งที่ทำอยู่ตลอด ธรรมชาติก็จะมีการประมวลผลอยู่ตลอดเช่นกัน แต่การดำเนินชีวิตก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ง่ายเช่นกัน ล้วนแล้วอยู่ที่ใจ พูดฟังแล้วดูง่าย แต่ทำจริงๆแล้วไม่ง่าย แต่ถ้าทำได้ก็ถือว่าชนะใจตนเอง