lozocatlozocat
"It's my life "
lozocatlozocat

วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2552

อารมณ์นี้.....ยย..ติ๊ดสุดสุด

ใบไม้ร่วง ฝนตก นกบินเป็นกลุ่ม หลายสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ แต่สำหรับผมแล้ว ฮ้า... มันไม่ช่ายยย.... มันเป็นมากกว่านั้น มันมีผลกระทบทางอารมณ์กับผม ผมไม่รู้ว่ามีใครเป็นแบบผมมั่ง อารมณ์อ่อนไหว พริ้วไปกับสายลม แสงแดด กวี บทกลอน ลำนำ สายธารและขุนเขา เพื่อนบางคนบอกว่าผมสร้างภาพ อยากเป็นศิลปิน ก็ว่ากันไป
ผมชอบที่จะคิดอยู่กับตัวเอง คิดอยู่คนเดียวตั้งแต่เด็กๆ เขียนกลอน วาดรูป เล่นดนตรี จำได้ว่าเมื่อสมัยเด็กๆเรียนชั้นประถม ชอบวิชาวาดเขียนมากกกกก... ผมจะมีสมุดวาดเขียน เล่มใหญ่ๆที่ขอ(คุณ)พ่อซื้อให้ สมุดเล่มนี้ก็จะเอาไว้วาดรูปทุกอย่างที่อยากจะวาด เหมือนบ้างไม่เหมือนบ้าง ครั้นพอมีเพื่อนหรือญาติๆมาเที่ยวที่บ้าน ก็จะถือโอกาสนำเสนอผลงานศิลป์(ซึ่งตอนนั้นคิดว่า)สุดเจ๋งให้ใครๆได้ชื่นชมอย่างน่าภูมิใจ จนกระทั่งจบชั้นประถม ๖ ขึ้นชั้น มัธยมปีที่ ๑ ก็ได้มาเจอกับเพื่อนผู้รักงานศิลป์เช่นเดียวกัน นั่นก็จะเป็นใครที่ไหนไปไม่ได้ ก็คือไอ้เบียร์ หลังจากที่ได้เห็นผลงานของเพื่อนคนนี้ ก็เกิดความคิดขึ้นมาเลยทีเดียวว่า " โอ้เพื่อน...แกเกิดมาเพื่อสิ่งนี้..." เพราะนอกจากไอ้เบียร์จะวาดสวย วาดดีแล้วนั้น วันๆผมก็จะเห็นมัน วาด วาด วาด แล้วก็วาด แม้กระทั่งช่วงเรียน อาจารย์เผลอ ก็จะแอบวาดลงในหนังสือเรียนคู่มือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวิชาคณิต อังกฤษ ภาษาไทย ก็จะมีตัวการ์ตูน สัตว์ประหลาด อุลตร้าแมน เคนชิโร่ ซึ่งถ้าสังเกตดีๆแล้วจะพบว่าไม่มีหนังสือเล่มไหนหรือหน้าไหนของไอ้เบียร์ ที่จะไม่มีตัวการ์ตูนเหล่านี้ จึงทำให้พัฒนาการด้านการวาดของเพื่อนผมเป็นไปอย่างรวดเร็ว จนผมตามไม่ทันและในที่สุดผมจึงได้ทำการแขวน ดินสอ ปากกา สมุดวาดเขียนลงอย่างเงียบๆ จนกระทั่งถึงช่วง ม. ๓ การวาดของไอ้เบียร์ก็บรรลุขั้นเทพ ผมก็ได้ผันตัวไปเล่นดนตรี เพราะเห็นครูฝึกสอนเล่นอีเล็คโทน จึงสนใจเป็นอย่างมาก ถึงกับเสนอเงื่อนไขกับ(คุณ)พ่อว่าถ้าสอบคราวนี้ เกรด ๓ ขึ้นไป จะขอแลกกับอีเล็คโทน ซึ่งผมก็ทำสำเร็จ ได้เครื่องดนตรีตัวแรกมาไว้ในครอบครอง แล้วผมก็เล่นมันทุกวัน วันละนานๆ จนถึงขั้นรวมวงเล่นกันเพื่อนเมื่อขึ้นชั้น ม. ๔-๕-๖ เล่นไปเล่นมา (คุณ)แม่ก็เริ่มไม่ปลื้ม เพราะว่าค่าไฟเริ่มจะบาน(ปลาย) จึงได้ยินเสียงบ่นมาเสมอๆ ช่วงนั้นพอดีสายตาก็เหลือบไปเห็น กีต้าร์โปร่งตัวหนึ่ง(ของพี่สาวผมเอง แต่พี่เค้าเลิกเล่นเพราะเจ็บนิ้ว)พิงข้างฝาบ้าน ใจนึงอยากจะช่วยประหยัดค่าไฟผมจึงหันมาเล่นกีต้าร์โปร่ง เล่นได้สามคอร์ดก็เริ่มมีกำลังใจฝึกจนได้เกือบทุกคอร์ด เพื่อนๆก็ชอบกันเพราะผมจัดให้ทุกเพลงที่ขอ ถ้าคุณร้องได้ ผมก็เล่นได้อะไรประมาณนั้น จะขึ้นเขาลงห้วยก็จะเห็นกีต้าร์ติดตัวไปกับผมเสมอ เพื่อนคนไหนไปไหนเค้าก็มักจะชวนผมไปด้วยทุกครั้งพร้อมทั้งกำชับว่า "เอากีต้าร์ไปด้วยนะ...." อืมมม.... สงสัยเห็นผมเป็นคาราโอเกะเคลื่อนที่กระมังเนียะ บางทีเล่นเกือบสองชั่งโมง จนนิ้วโป่ง แทบจะไม่ได้ร้องเลย เพราะนักร้องมีอยู่แล้วคิวยาวเหยียด ผมมีหน้าที่เล่นก็เล่นไป ทุกคนก็มีความสุข ผมก็มีความสุข จากการเล่นกีต้าร์นี้ก็ทำให้ผมได้พบเพื่อนคนนึงซึ่งปัจจุบันก็ยังเกื้อกูลกันเสมอมา เขาเป็นมือกีต้าร์อัจฉริยะในสายตาของผม มีหลายอย่างที่เขาทำให้ผมทึ่งแล้วผมจะเล่าให้ฟังวันหน้า คุณพระคุ้มครองครับ....