lozocatlozocat
"It's my life "
lozocatlozocat

วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

จ่าหมอง(จอมอัจฉริยะ)

เพื่อนหมอง จ่าหมอง หมอง หรือสมองคือชื่อเล่นของเขาหละ เพื่อนผมอีกคนที่ภูมิใจนำเสนอเพราะทึ่งในความสามารถของเขาหลายๆอย่าง ทั้งทางด้านกีฬา ดนตรี หรือศิลปะ แต่ความสามารถที่โดดเด่นของเขาน่าจะเป็น ดนตรีและกีฬาแต่ผมก็เชื่อว่า ถ้าเค้าได้ฝึกฝนเกี่ยวกับเรื่องศิลปะอย่างต่อเนื่อง ความสำเร็จก็คงอยู่ไม่ไกลเกินคว้า จ่าหมองเลือกที่จะเล่นกีต้าร์และฝึกฝนอย่างจริงจัง ทางด้านกีฬาเค้าก็เลือกที่จะเล่นฟุตบอลซึ่งเค้าก็ได้เป็นทีมโรงเรียนได้ยินข่าวว่าไปลงแข่งขันตรงนั้นตรงนี้เสมอๆ

เมื่อตอนสมัยมัธยมปลายผมกับจ่าได้เรียนอยู่ห้องเดียวกัน เกาะกลุ่มกันอยู่ด้านหลังห้องเป็นพวกใต้ดินอะไรประมาณนี้ ชอบเล่นอะไรที่ชาวบ้านเค้าไม่ค่อยเล่นกัน ตีกอล์ฟหลังห้อง โดยไปหาว่าตรงไหนของหลังห้องมีหลุมเล็กๆพอประมาณ แล้วใช้เศษชอล์กฝนๆให้เป็นลูกกลมๆ เป็นลูกกอล์ฟ ส่วนไม้ก็ใช้ใส้ปากกาที่หมดแล้วหักปลายให้งอๆ แต่ละคนก็จะมีไม้ส่วนตัวที่ทำขึ้นเอง แล้วก็พลัดกันตีจนลงหลุม ใครฝีมือดีก็จะโฮลอินวัน พอเริ่มหมดสนุกตีกอล์ฟก็แต่งกลอนสลับกันคนละท่อนใครต่อไม่ได้ก็ต้องผ่านให้คนอื่นแต่งต่อจนลงเอย หรือไม่ก็ได้แต่เนื้อหาต้องจบคือไปต่อไม่ได้แล้ว ถามว่าสนุกตรงไหนแต่งกลอน สนุกตรงที่ได้โชว์ไหวพริบและทักษะในการใช้ภาษาไทย เชื่อกันว่าจะได้เป็นกวีในภายภาคหน้า พอเริ่มเมื่อยที่จะแต่งกลอนหรือแต่งไปหลายบทแล้ว หรือแต่งไม่ลงไม่จบสักที พวกเราก็จะมีซาวด์อะเบ้า(เครื่องเล่นเทปคาสเส็ตแบบพกพา)คนละเครื่องและหูฟังเสียบที่หู ใช่แล้วครับได้เวลาฟังเพลงของพวกเราแล้ว เพลงส่วนใหญ่ก็จะเป็นเพลงร็อค อย่างของผมจะเป็นเพลงร็อคไทยอัสนี-วสันต์,ไมโคร,เฟรม,นูโว, ไฮร็อค, ชั๊คกี้, คาไลโดสโคป, ดิโอฬารโปรเจ็ค, แหลมมอริสัน, Europe เพลงป๊อบ อริสมันส์, พี่แจ้แกรนด์เอ๊กส์,ติ๊กชิโร่ เยอะแยะ ของจ่าจะหนักไปทางเพลงสากลประเภทฮาร์ดร็อค ACDC,U2,Whitesnake,Ugly kid Joe,Steve vai,Jimi Hendrix,Joe satriany และจ่าก็จะมีเพลงสากลใหม่ๆมานำเสนอให้พวกเราได้ฟังเปิดหูบ้าง และจะมีเพื่อนอีกคนฟังเพลงหนักกว่านี้ประเภท เฮฟวี่เมทัล Black Sabbath,Metalica,Megadeath สองคนนี้เค้าก็จะนำเพลงประเภทนี้มาเกทับกันว่าเจ๋งกว่า ผมเอามาฟังแล้วแก้วหูแทบระเบิด เพราะพี่แกเปิดโวลลุ่ม(เสียง)เกือบสุด(สงสัยจะหูตึง)
ช่วงการเรียนมัธยมปลายนั้นทางโรงเรียนก็จะมีการประกวดวงดนตรีภายในโรงเรียนขึ้นเป็นประจำทุกปี ผมเองก็เล่นดนตรี(คีย์บอร์ด)อยู่ในตอนนั้น ก็ได้ยินข่าวว่าเพื่อนอีกห้องจะคัดตัวนักดนตรีเพื่อรวมวงที่ห้องซ้อมดนตรีเจ้าประจำในช่วงเย็นหลังเลิกเรียนพรุ่งนี้ จ่าก็ได้ยินข่าวนี้เช่นกันก็ประมาณว่าจะไปลองดู พอถึงวันนัดหมายจ่าก็บอกว่าทางโรงเรียนประกาศจะคัดตัวนักกีฬาฟุตบอลด้วยเขาก็เลยบอกว่าเสร็จจากนี้ค่อยจะไปห้องซ้อมไม่ต้องรอ หลังเลิกเรียนผมก็ใจจดใจจ่อกับการรวมวงดนตรีครั้งนี้มากเพราะดูท่าทาง(เพื่อนๆ)นักดนตรีแต่ละคนจะฝีมือดี (ย้อนหลังไปเมื่อตอนประกวดปีที่แล้วผมยังอยู่ ม.ต้น วงที่ผมเข้าร่วมนั้นดูไม่ได้เลยครับ กีต้าร์ ๓คน คีย์บอร์ด ๓คน เบส ๑ กลอง ๑ รวม ๘คน เต็มเวทีไปหมด แต่ตกรอบแรก เพราะตอนซ้อมมีแค่ กีต้าร์๑ คีย์บอร์ด๑ เบส๑ กลอง๑ นักร้อง๑ พอขึ้นเวทีไม่รู้หัวหน้าวง(นักร้อง)ไปเอาคนมาเพิ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมไม่ได้ซ้อมด้วย ก็เลยจบเห่) พอถึงเวลานัดผมก็ไปปรากฎตัวที่ห้องซ้อมเจ้าประจำ ปรากฏว่าเพื่อนๆนักดนตรีเยอะแยะไปหมด ส่วนใหญ่จะเป็นมือกีต้าร์ คีย์บอร์ดมีมาสองคน(รวมผมด้วย) มือเบสตอนแรกก็ว่าจะเล่นกีต้าร์แต่พอเห็นว่าจะไม่รอด(มีคนฝีมือดีกว่า)ก็เลยเล่นเบสแทน ผมก็มองหาจ่าว่าเมื่อไหร่จะมาก็ไม่เห็นแม้เงา เพื่อนๆก็ลองซ้อมสลับสับเปลี่ยน บางคนก็รู้ตัว หรือเบื่อรอหรือแนวเพลงที่เล่นไม่ตรงกับที่แกะมา หรือแกะมาน้อย((โชคดีที่ผมแกะมาเยอะ)และไม่รู้ว่าจะเอาไงกันต่อก็กลับบ้านก่อน จนกระทั่งเหลือ นักร้อง กีต้าร์สองคน คีย์บอร์ดหนึ่งคน(ผมเอง) เบส และกลอง เรียกได้ว่าซ้อมจนเมื่อย ข้าวเย็นก็ยังไม่ได้กิน สรุปแล้วก็ได้ก่อตั้งวงขึ้นด้วยสมาชิกที่เหลือนั้น ลงความเห็นว่า ชอบเพลงแนวเดียวกัน และซ้อมอึด การเล่นก็ผิดพลาดน้อย(เนียนๆ) แต่ผมก็เสียดายนะที่จ่าหมองมาไม่ทันไม่เช่นนั้นก็จะมีวงที่มีมือกีต้าร์ฮีโร่สองคนในวงเดียว วันต่อมาจ่าก็ถามว่าตั้งวงได้แล้วเหรอ พอดีวันนั้นคัดตัวนักกีฬาจนมืดก็เลยไม่ได้ไปเสียดายเหมือนกัน ผมก็เลยบอกว่าไม่เป็นไรเย็นนี้เค้าจะซ้อมกันไปดูด้วยกันสิเผื่อยังไงจะได้แจมด้วย ตกเย็นจ่าก็ไปที่ห้องซ้อมกับผม พอถึงเวลาพวกเราก็ซ้อมกันโดยมีจ่ายืนดูอย่างเงียบๆ จ่าเค้าจะมีกฏ กติกา มารยาทมากไม่ก้าวก่าย คือถ้าเป็นบางคนที่เข้ามาดูเนียะก็จะมากดนั่นกดนี่ เสียบนั่นถอดนี่ ประมาณว่าจะขอแจมด้วยให้ได้ แต่จ่าเรากลับนิ่ง รอจนกว่า เพื่อนจะบอก แล้วจ่าก็ได้แจมเข้ากันได้อย่างดี ผมก็เอ่ยปากชวนเข้าร่วมวงด้วยกัน จ่าก็บอกว่าไม่เป็นไร นักดนตรีเยอะเดี๋ยวเต็มเวที ความจริงจ่าไม่อยากสกัดดาวรุ่งเพื่อนมือกีต้าร์ที่มาก่อนแม้ว่าจ่าจะเล่นดีกว่า ผมก็ไม่รู้จะว่ายังไง อีกหลายวันต่อมาได้ยินข่าวว่าจ่าไปรวมวงกับรุ่นน้อง
หลังการประกวดปีแรกทางวงผมก็พักการซ้อมไว้ก่อน(ปกติจะซ้อมรวมวงช่วงมีงานสำคัญๆเช่น กีฬาสี งานวันเด็ก ฯลฯ แต่นักดนตรีต้องแกะ ซ้อม เล่นเองที่บ้าน) ช่วงนั้นก็จะมีการเลือกชมรมต่างๆเพื่อเข้าร่วม ผมกับจ่าก็ได้เข้าร่วมชมรม โฟล์คซอง ตอนนั้นผมก็เล่นกีต้าร์ได้พอประมาณ(จับคอร์ดได้หลายคอร์ด แต่โซโลยังไม่คล่อง) อาจารย์ประจำชมรมก็ให้จับกลุ่ม สองหรือสามคนก็ได้ เล่นเพลงด้วยกีต้าร์โปร่ง แล้วเล่นโชว์ทีละกลุ่ม ผมก็จับกลุ่มสองคนกับจ่าหมองและจุดนี้เองที่ผมได้เห็นอัจฉริยภาพทางดนตรีของเขา ไม่ว่าจะเป็นการแกะคอร์ด แกะโซโล่ แกะการเล่นแบบเกา(ฟิงเกอร์สไตล์) ไม่ว่าเพลงจะช้า จะเร็ว เค้าทำได้อย่างรวดเร็ว และจำได้อย่างขึ้นใจ สำคัญคือเหมือนกับต้นแบบยังไงยังงั้น นับถือ นับถืออย่างยิ่ง และจ่าก็ทำให้ผมเข้าใจคำว่า "กระบี่อยู่ที่ใจ" อย่างลึกซึ้ง เพราะกีต้าร์ที่จ่าเล่นเป็นเพียงกีต้าร์โปร่งเก่าๆ แต่เสียงที่เกิดจากการเล่นของจ่าช่างไม่ธรรมดา ผมก็สงสัยและอยากพิสูจน์จึงลองเล่นกีต้าร์ของจ่าดู ปรากฏว่า ไม่ไหวเสียงไม่น่าฟังและยังห่างไกลจ่าอีกหลายขุม บางเทคนิคการเล่นของจ่าก็ทำให้ผมถึงกับอึ้ง ทึ่ง เพราะไม่คิดว่าคนเก่งอยู่ไกล้ๆเรานี่เอง เช่น เทคนิคทำเสียงเหมือนใช้คันโยก โดยใช้นิ้วกดที่สายเหนือหย่อง(หมอนรอง)สายด้านบน หรือ ดัน(หัก)คอกีต้าร์เบาๆเพื่อให้เกิดเสียงวูบๆ เรา(ผมกับจ่า)เลือกเพลง"คือเพื่อน"ของวงไฮร็อค และเพลง "One" ของวง Metalica มาทำเป็นเวอร์ชั่นอะคูสติก ก็ได้รับความสนใจจากอาจารย์และเพื่อนร่วมชมรมมากทีเดียว เพราะเพื่อนกลุ่มอื่นๆเค้าจะเอาเพลงแบบตีคอร์ดๆ มาเล่นเลย ไม่ต้องดัดแปลง
พูดถึงวงดนตรีที่ผมเข้าร่วมก็เป็นไปด้วยดีเข้าประกวดก็จะได้ ที่หนึ่งสองสาม ไม่หลุดไปจากนี้ แต่น่าเสียดายที่วงรุ่นน้องที่จ่าหมองเข้าร่วมกลับไม่ค่อยเวิร์คเท่าที่ควร อาจจะเป็นเพราะว่าฝีมือห่างกันเกินไป ดูจากการประกวดแล้วยิ่งเสียดายฝีมือจ่า จ่าทิ้งทวนครั้งสุดท้ายในการประกวด ท่อนสุดท้ายของเพลงสุดท้าย โซโล่ยาวเหยียด ดุดัน ร้อนแรง รวดเร็ว โชว์เทคนิค งัดออกมาหมด ขณะที่เพื่อน(รุ่นน้อง)ร่วมวง ตะลึง งงงวย เพราะที่แกะมาไม่มีแบบนี้จึงหยุดเล่น ปล่อยจ่าวาดลวดลายบนสายกีต้าร์อย่างเมามันเพียงผู้เดียว สร้างความฮือฮาให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก

อีกเหตุการณ์หนึ่งก็ทำให้ผมประทับใจไม่รู้ลืม กับประสบการณ์ดนตรีร่วมกับจ่า คือช่วงปิดเทอม ม.ปลาย มีการจัดงานประจำปีกีฬาสีของวิทยาลัยอาชีวะศึกษาประจำจังหวัดซึ่งพี่ชายของจ่าหมองเรียนที่นั่น ที่งานก็จะมีการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ มีประกวดกองเชียร์ พิธีมอบรางวัล วันสุดท้ายก็จะมีงานสปอร์ตไนท์(Sport Night)ในตอนกลางคืนซึ่งจะมีการแสดงต่างๆรวมถึงการแสดงของวงดนตรีด้วย พี่ตุ๊บ(พี่ชายจ่า)ก็มาชวนจ่า จ่าก็มาชวนผมไปเล่นรวมกันเฉพาะกิจ ผมก็ตอบตกลง พร้อมคัดเพลงแกะกันแบบชิวๆเพราะคิดว่าคงไม่ต่างจากการแสดงเวทีอื่นๆ พวกเราก็ซ้อมกันไปเรื่อยๆ จนถึงวันงาน เราก็พบว่า โอ้...นี่มันงานใหญ่มากเลยย จ่าก็บอกว่าเพิ่งรู้เหมือนกัน เวทีใหญ่มากสำหรับเรายืนแบบทิ้งระยะห่างกันมาก แถมมีไฟแสงสีวูบวาบตอนเพลงมันส์ๆอีก ยังกะคอนเสิร์ต คนดูก็มีอารมณ์ร่วมกับคนเล่นบนเวที เค้าคงเหนื่อยมาหลายวันก็เลยปลดปล่อยกันในงานนี้ สำหรับผมสนุกและเซอร์ไพรส์มากๆแม้ไม่ได้ค่าตอบแทนเป็นตัวเงินแต่ก็ถือว่าได้ประสบการณ์และความประทับใจเก็บเป็นความทรงจำ จบงานวันนั้นทุกคนก็แฮปปี้ถ้วนหน้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น